ของตกแต่งบ้านหรือตกแต่งสำนักงาน รวมไปถึงเครื่องประดับต่างๆ หากเลือกให้ถูกต้องจะช่วยเสริมสร้างบารมีหรือแก้เคล็ด ปัดเป่าอันตรายต่างๆได้
วงจรธาตุทั้ง 5 หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า “อู่สิง” คือหนึ่งในแนวคิดพื้นฐานสำคัญต่อวิธีการเยียวยารักษาตามหลักแพทย์แผนจีน รวมทั้งการวิเคราะห์โชคชะตาและฮวงจุ้ย
เมื่อเข้าใจความสัมพันธ์ของธาตุแต่ละธาตุคือ ธาตุไฟ ธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาตุโลหะ และธาตุไม้ และเข้าใจว่าแต่ละธาตุมีความสัมพันธ์กับสรรพสิ่งต่าง ๆ ในจักรวาล และทำความเข้าใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของความสัมพันธ์ระหว่างธาตุต่าง ๆ ให้ลึกซึ้งขึ้น คุณก็จะเข้าใจว่าทำไมวิธีแก้เคล็ดแก้ไขเคราะห์ร้ายตามหลักฮวงจุ้ยจึงเป็นเช่นวิธีนั้น ๆ ในฉบับนี้ เราจะมาอธิบายถึงวงจรธาตุ และเน้นความสำคัญของการรู้ว่าควรจะใช้วงจรแบบใดในสามแบบเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
ชาวจีนเชื่อว่าสรรพสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในจักรวาล ไม่ว่าจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือไม่ก็ตาม จะแบ่งออกได้เป็น 5 ธาตุด้วยกันคือ ธาตุน้ำ ธาตุไม้ ธาตุไฟ ธาตุดิน หรือธาตุโลหะ วงจรความสัมพันธ์ของธาตุทั้ง 5 นี้แบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบคือ วงจรการสร้างธาตุ วงจรการทำลายธาตุ และวงจรการบั่นทอนกำลังธาตุ
และจากการที่มีหนังสือศาสตร์ฮวงจุ้ยพิมพ์จำหน่ายและได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับไปทั่วโลก คนจำนวนมากจึงมีความคุ้นเคยกับแนวคิดเรื่องธาตุทั้ง 5 และวงจรต่าง ๆ บาง่านจะคุ้นกับวงจรธาตุเพียง 2 วงจรเท่านั้นคือ วงจรเสริมสร้างและวงจรทำลาย แต่อันที่จริงแล้วยังมีวงจรที่สามด้วย วงจรที่สามนี้คือวงจรการบั่นทอนกำลังธาตุ และเป็นวงจรที่เหมาะสมที่สุดเมื่อต้องคิดวิธีแก้เคล็ดเพื่อต้านพลังชี่แห่งเคราะห์ หลักการของ “อู่สิง” หรือธาตุทั้ง 5 นี้ไม่เพียงแต่จะใช้ได้กับศาสตร์ฮวงจุ้ยเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ชะตาชีวิตคนซึ่งมีพื้นฐานมาจากผังจตุสดมภ์ตกฟาก คือวัน เดือน ปี และเวลาเกิดให้ได้ขึ้นได้ รวมทั้งยังนำไปประยุกต์ใช้กับตำร่แพทย์แผนจีนได้ด้วย
ชาวจีนเชื่อว่า สรรพสิ่งต่าง ๆ ในจักรวาล ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 หมวดหมู่ หมายความว่าเป็นหนึ่งใน 5 ธาตุคือ ธาตุไม้ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุโลหะ หรือธาตุน้ำหากศึกษาศาสตร์อันเร้นลับของจีนให้ลึกซึ้งขึ้น จะพบว่าทุกสิ่งทุกอย่าง นับตั้งแต่ทิศทางต่าง ๆ ไปจนถึงอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด วัตถุ อวัยวะต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย ต้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ สิงสาราสัตว์ต่าง ๆ ฯลฯ ล้วนจัดอยู่ในธาตุใดธาตุหนึ่งในธาตุทั้ง 5 นี้ ฉะนั้น การเรียนรู้วิธีแยกสรรพสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมให้ออกว่าจัดอยู่ในธาตุใดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการศึกษาศาสตร์ฮวงจุ้ย
ธาตุต่าง ๆ เกิดขึ้นจากอะไร
ส่วนใหญ่แล้ว หลาย ๆ สิ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ ดอกไม้ และอะไรก็ตามที่ทำมาจากไม้หรือมีลักษณะภายนอกเป็นไม้จะจัดว่าเป็นธาตุไม้ และเช่นเดียวกัน อะไรก็ตามที่มาจากดิน หรือทำจากดิน เช่น หิน ดินทราย ขี้เถ้า คริสตัล แก้ว ก้อนกรวด ฯลฯ ก็จัดว่าเป็นธาตุดิน อีกสามธาตุ คือ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุโลหะก็เช่นเดียวกัน
อีกทั้งแต่ละธาตุก็มีคุณลักษณะและข้อดีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ธาตุไม้เป็นธาตุเดียวใน 5 ธาตุที่มีพลังชีวิต ธาตุไม้มีการเจริญเติบโตและมีชีวิต จึงมีทั้งธาตุไม้ที่ยังไม่ตายและธาตุไม้ที่ตายแล้ว ดังนั้นเราจึงสามารถแยกธาตุไม้พลังหยางและธาตุไม้พลังหยินออกได้โดยง่าย ส่วนธาตุน้ำก็มักจะเกี่ยวข้องกับการไหล ดังนั้นน้ำที่ไหลจึงเป็นธาตุน้ำพลังหยาง ส่วนน้ำนิ่งคือธาตุน้ำพลังหยิน
ไฟเป็นธาตุที่กักเก็บไว้ไม่ได้ เมื่อจะใช้ไฟก็ต้องก่อไฟขึ้นมา ดังนั้นธาตุไฟจึงเป็นธาตุที่มีความสัมพันธ์กับพลังหยางมากที่สุด ด้วยเหตุนี้เอง ธาตุไฟจึงเป็นธาตุที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นธาตุที่ใช้กระตุ้นพลังงานฮวงจุ้ยในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ดีที่สุด ธาตุไฟพลังหยินก็คือไฟที่ใกล้จะดับมอดลง ขณะที่ไฟที่ลุกโชนคือธาตุไฟพลังหยาง
ธาตุโลหะคือธาตุที่แข็งทื่อ ไม่มีชีวิตชีวา จะมีพลังหยางก็ต่อเมื่อเคลื่อนไหวและทำให้เกิดเสียงโลหะกระทบกัน โดยทั่วไปแล้ว สภาพตามธรรมชาติของโลหะก็คือธาตุโลหะพลังหยิน
และสุดท้าย ธาตุดินเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดของธาตุทั้งหมด ธาตุดินมีอยู่มากมาย และยุคนี้ก็คือยุคที่ 8 ซึ่งเป็นยุคธาตุดิน ทั้งดินยังเป็นหนึ่งในไตรลักษณ์แห่งพลังชี่ ซึ่งประกอบด้วยฟ้า ดิน และมนุษย์ ซึ่งไตรลักษณ์นี้จะนำฮวงจุ้ยที่ดีมาให้ ดังนั้นธาตุดินจึงเป็นธาตุที่มีความสำคัญเสมอ ธาตุดินพลังหยินคือดินที่อยู่ใต้ชั้นผิวดิน ส่วนธาตุดินที่แทนด้วยคริสตัล หิน แก้ว เซรามิก ฯลฯ ถือกันว่าเป็นธาตุดินพลังหยาง
ธาตุทั้ง 5 มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันตลอดเวลา และในพื้นที่ใดก็ตาม จะมีธาตุหนึ่งที่เด่นกว่าธาตุอื่น ๆ พูดกว้าง ๆ ก็คือ ไม่มีธาตุใดดีหรือไม่ดีเสียทีเดียว หากเป็นไปได้จึงไม่ควรให้มีธาตุใดธาตุหนึ่งขาดหายไป ควรจะมีครบทั้ง 5 ธาตุจึงจะถือว่ายอดเยี่ยม และเนื่องจากสรรพสิ่งในจักรวาลล้วนเป็นตัวแทนของธาตุทั้ง 5 การจะทำให้มีครบทั้ง 5 ธาตุจึงไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป
ธาตุต่าง ๆ ในพื้นที่
สิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้ในศาสตร์ฮวงจุ้ยก็คือจากสูตรต่าง ๆ ในสมัยโบราณ แต่ละทิศทั้ง 8 ทิศคือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีธาตุใดธาตุหนึ่งเป็นธาตุประจำทิศ ดังนั้นทิศต่าง ๆ จึงมีธาตุประจำพื้นที่บริเวณนั้น ๆ ทุก ๆ มุมในบ้านและทุก ๆ มุมของห้องจึงมีธาตุประจำทิศอยู่ ถ้าคุณอยากเชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ย ก็จะต้องเรียนรู้ว่าธาตุใดประจำอยู่ที่ทิศใดบ้าง หากดูจากแผนผัง จะเห็นว่าทิศแต่ละทิศมีธาตุใดเป้นธาตุประจำทิศ เพียงดูจากแผนผังก็จะช่วยให้คุณเชื่อมโยงธาตุต่าง ๆ กับทิศแต่ละทิศ และหากคุณอยากจะแยกว่าทิศต่าง ๆ ในห้องมีทิศใดเป็นธาตุประจำทิศ สิ่งที่คุณต้องใช้ก็คือเข็มทิศเพื่อดูว่ามุมต่าง ๆ ในห้องอยู่ในทิศใดบ้าง
จะเห็นได้จากในแผนผังว่าทิศเหนือคือทิศธาตุน้ำและทิศใต้คือทิศธาตุไฟ ทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงใต้คือทิศธาตุไม้ ขณะที่ทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงเหนือคือทิศธาตุโลหะ และสุดท้าย จุดศูนย์กลาง ทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันออกเฉียงเหนือคือทิศธาตุดิน ตำแหน่งทิศของธาตุต่าง ๆ เหล่านี้ใช้ได้ในทุก ๆ ที่ในโลก ไม่ว่าจะเป็นทวีปเอเชียหรืออเมริกา หรือไม่ว่าคุณจะอยู่ในซีกโลกใต้อย่างออสเตรเลียหรือซีกโลหเหนืออย่างยุโรปก็ตาม
ควรใช้วงจรไหนในเวลาใด
เครื่องมือชิ้นเดียวที่คุณต้องใช้ก็คือเข็มทิศ ซึ่งจะวัดทิศเหนือตามทิศเหนือตามขั้วแม่เหล็ก เมื่อคุณรู้แล้ววิธีระบุว่าธาตุใดเป็นธาตุประจำทิศใดบ้างในบ้านและที่ทำงาน ก็ควรจำวงจรธาตุต่าง ๆ และจำกฎหลัก 3 ประการนี้ไว้ให้ได้เพื่อนำฮวงจุ้ยไปปฏิบัติ
ควรใช้วงจรเสริมสร้างธาตุเมื่อใด
หากคุณต้องการกระตุ้นให้พลังชี่ในบริเวณนั้นเข้มแข็งขึ้น คุณก็ควรใช้วงจรการสร้างธาตุ ดังนั้น หากต้องการเสริมทิศใต้ซึ่งเป็นทิศธาตุไฟ คุณก็ต้องนำธาตุไม้พลังหยางมาตั้งในทิศใต้ อาจจะใช้ดอกไม้หรือต้นไม้ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับธาตุไม้ เหตุนี้ก็เนื่องมาจากธาตุไม้ผลิตธาตุไฟ การจะกระตุ้นทิศตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกเฉียงใต้ คุณก็ต้องใช้ธาตุน้ำ เพราะธาตุน้ำผลิตธาตุไม้ หากจะกระตุ้นทิศเหนือ ซึ่งเป็นทิศประจำธาตุน้ำ คุณก็ต้องใช้ธาตุโลหะ เพราะธาตุโลหะผลิตธาตุน้ำ ไม่ว่าคุณจะนำฮวงจุ้ยมาปฏิบัติตามสูตรใดก็ตาม หากคุณต้องการกระตุ้นทิศใด ก็ให้ใช้ธาตุตามหลักวงจรเสริมสร้างธาตุ แล้วคุณก็จะไม่ผิดหวัง
ควรใช้วงจรบั่นทอนกำลังธาตุเมื่อใด
หากคุณต้องการแก้เคล็ดหรือแก้ไขพลังงานในทิศใดทิศหนึ่งเพราะได้รับอิทธิพลจากเคราะห์ร้ายประจำปี ประจำเดือน หรือประจำยุคตามหลักฮวงจุ้ยดาวบิน จากนั้นก็ให้ใช้วงจรบั่นทอนกำลังธาตุเพื่อเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต้านธาตุที่ให้เคราะห์ เช่น ตามหลักดาวบิน ดาวแห่งโรคภัยไข้เจ็บเป็นดาวธาตุดิน ดังนั้นเมื่อใดที่ดาวแห่งโรคภัยไข้เจ็บเคลื่อนเข้ามาอยู่ในทิศใด ก็ควรจะต้านดาวดวงนี้ด้วยพลังงานจากธาตุโลหะพลังหยาง เครื่องแก้เคล็ดที่ควรนำมาใช้จึงควรเป็นโมบายโลหะ 6 หลอด ที่ต้องใช้โมบาย 6 หลอดก็เป็นเพราะเลข 6 เป็นตัวแทนของธาตุโลหะ โมบายที่ทำเป็น 6 หลอดจึงทำให้วิธีการแก้เคล็ดนี้ได้ผลชะงัดมากขึ้น และในทางเดียวกัน ควรใช้เหรียญที่ทำจากทองเหลือ เพราะเหรียญทองเหลืองก็จะข่มพลังของดาวแห่งโรคภัยไข้เจ็บได้ ส่วนการข่มพลังของดาวแห่งการทะเลาะเบาะแว้งนั้น วิธีแก้เคล็ดก็คือการใช้พลังงานธาตุไฟ เนื่องจากดาวแห่งการทะเลาะเบาะแว้งจัดว่าเป็นธาตุไม้ และธาตไฟก็สามารถบั่นทอนหรือตัดกำลังของธาตุไม้ได้
ควรใช้วงจรทำลายธาตุเมื่อใด
หากคุณต้องกการควบคุมพลังชี่พิฆาตที่เข้ามาหาคุณจากการที่มีศรพิฆาตซ่อนเร้นอยู่ในบริเวณนั้น ก็ควรจะใช้วงจรทำลายธาตุ เช่น หากมีแนวหลังคาทรงสามเหลี่ยมชี้ตรงมาที่ประตูบ้านของคุณ ลักษณะนี้คือการมีศรพิฆาตซึ่งจะนำเคราะห์ร้ายเข้ามาในบ้าน คุณจึงจำเป็นจะต้อง “ควบคุม” พลังชี่ของศรพิฆาตดังกล่าว และเพื่อให้ได้ผลดี ควรตรวจดูว่าศรพิฆาตนั้นพุ่งมาจากทิศไหน ซึ่งก็คือทิศเดียวกับ “ทิศเบื้องหน้า” ของประตูบ้านของคุณนั่นเอง ดังนั้น หากประตูบ้านคุณหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และมีศรพิฆาตพุ่งหรือชี้มาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ก็หมายความว่าศรพิฆาตนี้ชี้มาจากทิศธาตุดิน การจะคุมพลังชี่พิฆาตจากทิศนี้ ก็ควรใช้พลังงานธาตุไม้ เนื่องจากธาตุไม้ทำลายธาตุดิน จึงควรหาต้นไม้มาปลูกไว้ที่ระหว่างตัวศรพิฆาตกับประตูบ้าน ถ้าศรพิฆาตพุ่งมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ก็หมายความว่าเข้ามาจากทิศธาตุโลหะ ในกรณีนี้ควรติดตั้งโคมไฟหรือแสงสว่างไว้เพื่อกระตุ้นพลังงานธาตุไฟให้เข้มแข็ง
วิธีการดังกล่าวนี้คือสามวิธีหลัก ๆ ที่สามารถนำวงจรแห่งธาตุทั้ง 5 มาใช้ตามหลักฮวงจุ้ย จะเห็นได้ว่าเมื่อเข้าใจหลักการต่าง ๆ เกี่ยวกับกรอบความคิดเบื้องหลังการใช้ธาตุทั้ง 5 เป็นเครื่องเสริมสร้าง แก้เคล็ด และควบคุมพลังงานต่าง ๆ ในศาสตร์ฮวงจุ้ย คุณก็จะสามารถปรับปรุงและปกป้องคุ้มครองฮวงจุ้ยในบ้านของคุณได้